Prefix แปลว่า "อุปสรรค" ได้แก่ "คำที่ใช้เติมหน้าคำอื่น เพื่อให้ความหมายของคำนั้นเปลี่ยนไป แต่ไม่เปลี่ยนชนิดของคำๆ นั้น ตัวอย่างเช่น polite เป็นคำคุณศัพท์ เติมอุปสรรค im ลงไปเป็น impolite ก็ยังคงเป็นคุณศัพท์อยู่ตามเดิม (แต่ความหมายเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม) ยกเว้นอุปสรรค en, em เท่านั้นที่ทำให้คำนั้นกลายเป็นกริยาคือเปลี่ยนชนิดไป" prefix แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามลักษณะของคำที่ใช้นำหน้าคือ
1) ชนิดที่เติมข้างหน้าแล้วทำให้คำนั้นมีความหมายตรงกันข้ามได้แก่ un, dis, in, im, non, etc เป็นต้น
2) ชนิดที่เต็มข้างหน้าแล้ว ทำให้คำนั้นเป็นกริยาขึ้นมาได้แก่ en, em
3) ชนิดที่เติมลงไปข้างหน้าแล้ว มีความหมายแตกต่างกัน ซึ่งผู้ศึกษาต้องจดจำเป็นตัว ๆ ไป ได้แก่ co,re,
supper, etc เป็นต้น
ตัวอย่างคำ
ฐานเดิม /คำแปล /เติมคำ prefix /คำแปล
honest/ซื่อสัตย์ /dishonest /ไม่ซื่อสัตย์
safe /ปลอดภัย /unsafe /ไม่ปลอดภัย
possible /เป็นไปได้ /impossible/ เป็นไปไม่ได้
legal /ถูกกฎหมาย /illegal /ผิดกฎหมาย
rational /มีเหตุผล /irrational /ไม่มีเหตุผล
definite/ จำกัด/ indefinite /ไม่จำกัด
violent /รุนแรง /nonviolent /ไม่รุนแรง
manage /จัดการ/ mismanage/ จัดการไม่ดี
danger/ อันตราย/ indanger /ทำให้มีอันตราย
bitter /ขม, ขมขื่น/ embitter/ ทำให้ขมขื่น
war/ สงคราม /antiwar /สงครามสะกัดกั้น
education/ การศึกษา/ co-education /สหศึกษา
president /ประธาน /cx-president /ประธานคนก่อน
history/ ประวัติศาสตร์/ pre-history /ก่อนประวัติศาสตร์
meridiem /เที่ยง /post-meridiem /หลังเที่ยง
name /ตั้งชื่อ/ rename /ตั้งชื่อใหม่
committee/ กรรมการ /sub-committee /อนุกรรมการ
natural /ตามธรรมชาติ /supernatural /เหนือธรรมชาติ
angle/ เหลี่ยม/ triangle /รูปสามเหลี่ยม
national/ แห่งชาติ// international/ ระหว่างชาติ
Suffix แปลว่า “ปัจจัย” ได้แก่ “คำหรือพยางค์ที่เติมไปท้ายคำอื่น แล้วทำให้คำนั้นเปลี่ยนชนิดไป” ยกตัวอย่างเช่น man เป็นคำนาม (noun) แปลว่า “ผู้ชาย” เมื่อเติม ly ลงไปที่ท้าย man เป็น manly ก็จะกลายเป็นคุณศัพท์ ( Adjective) ไป แปลว่า “มีลักษณะสมเป็นชาย” ฉะนั้นจากตัวอย่างที่ยกมาให้ดูนี้จะเห็นว่า “คำที่เติม suffix ลงไปนั้นไม่เปลี่ยนความหมาย แต่เปลี่ยนชนิดของคำ” (ส่วน prefix) เติมลงไปแล้วเปลี่ยนความหมาย แต่ไม่เปลี่ยนชนิดของคำ)
Suffix ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 3 จำพวกตามชนิดของคำเปลี่ยนไปอันเป็นผลจากการเติม suffix แล้วนั้นคือ
1) Noun-Forming Suffixes ได้แก่ “ปัจจัยที่เติมท้ายคำอื่น แล้วทำให้คำนั้นกลับกลายเป็นคำนามขึ้นมา”
2) Verb-Forming Suffixes ได้แก่ “ปัจจัย (หรือ Suffix) ที่เติมลงไปข้างท้ายคำแล้วทำให้คำนั้นๆ เป็นกริยา (verb) ขึ้นมา”
3) Adjective-Forming Suffixes ได้แก่ “ปัจจัยที่เติมท้ายคำใดแล้ว ทำให้คำนั้นมีรูปเป็นคุณศัพท์ (Adjective)”
ตัวอย่างคำ
agree เห็นด้วย agreement ข้อตกลง
product ผลิต production การผลิต
transport การขนส่ง transportation การขนส่ง
compete แข่งขัน competition การแข่งขัน
amplify ขยาย amplification การขยาย
decide ตัดสินใจ decision การตัดสินใจ
deny ปฏิเสธ denial การปฏิเสธ
resist ต่อต้าน resistance การต่อต้าน
scholar นักเรียน scholarship ทุนการเล่าเรียน
refuge ที่พัก refugee ผู้อพยพ
america อเมริกา american ชาวอเมริกัน
assist ช่วย assistant ผู้ช่วย
superindend ควบคุม superindendent ผู้ควบคุม
advise ปรึกษา adviser ที่ปรึกษา
china ประเทศจีน Chinese ชาวจีน
act แสดง actress ผู้แสดง
art ศิลปะ artist นักจิตรกร
electric มีไฟฟ้า electricity การไฟฟ้า
kind กรุณา kindness ความกรุณา
motive แรงกระตุ้น motivate กระตุ้น
วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
Context Clues
Context Clues การเดาความหมายจากบริบท
1. Definition type (การให้คำนิยาม)สามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ (clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่
- verb "to" be - be called
- mean (s /d) - called
- consist of - may be seen as
- refer to - can be defined as
- may be described as - can be taught of
- what this means is
2. Restatement type (การกล่าวซ้ำ) การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยนึงคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)
หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma
,.............................., เครื่องหมาย commas
3. Example type (การยกตัวอย่าง) ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.for instancesuch as = ตัวอย่างเช่น , ยกตัวอย่างsuch ............aslike
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma
4. Comparison or Contrast type (การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง) ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
1. Definition type (การให้คำนิยาม)สามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ (clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่
- verb "to" be - be called
- mean (s /d) - called
- consist of - may be seen as
- refer to - can be defined as
- may be described as - can be taught of
- what this means is
2. Restatement type (การกล่าวซ้ำ) การสังเกต restatement หรือการกล่าวซ้ำความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถดูได้จากตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ (clues / signal words) และเครื่องหมายวรรคตอน (punctuation) ดังนี้
ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ ได้แก่or( หรือ ), that is(นั่นคือ), that is to say / i.e. (นั่นคือ), in other word(กล่าวอีกนัยนึงคือ), to put in another way (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ)
หมายเหตุ --- i.e. เป็นภาษาละติน มาจาก id est แปลว่า that is to say
เครื่องหมายวรรคตอน
, ............................. เครื่องหมาย comma
,.............................., เครื่องหมาย commas
- เครื่องหมาย dash
- .............................. - เครื่องหมาย dashes
(.............................) เครื่องหมายวงเล็บหรือ parentheses
3. Example type (การยกตัวอย่าง) ผู้เขียนมักจะให้คำชี้แนะหรือคำสัญญาณ หรืออาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอน ได้แก่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ
for example / e.g.for instancesuch as = ตัวอย่างเช่น , ยกตัวอย่างsuch ............aslike
หมายเหตุ : e.g. เป็นภาษาละติน คือ exampli gratia แปลว่า for example
เครื่องหมายวรรคตอน
, เครื่องหมาย comma
: เครื่องหมาย colon
- เครื่องหมาย dash
4. Comparison or Contrast type (การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง) ผู้เขียนมักจะให้ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณแสดงการเปรียบเทียบ หรือแสดงการขัดแย้งในทางตรงกันข้ามกันมาภายในข้อความนั้นๆ
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการเปรียบเทียบ
as / as.................as เหมือนกับ
like / alike เหมือนกับ
similar to เหมือนกับ ,คล้ายกับ
resemble (v) เหมือนกับ
similarily (adv) ในทำนองเดียวกัน
likewise (adv) ในทำนองเดียวกัน
correspondingly (adv) ในทำนองเดียวกัน
in the same way (adv) ในทำนองเดียวกัน
in like manner (adv) ในทำนองเดียวกัน
comparing เปรียบเทียบกับ
compare with เปรียบเทียบกับ
as if / as though ราวกับว่า
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง
but / yet แต่
ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณที่แสดงการขัดแย้ง
but / yet แต่
however / nevertherless แต่อย่างไรก็ตาม
though / although/ even though แม้ว่า
while / whereas ในขณะที่ (แสดงการแย้งกัน)
on the other hand ในทางตรงกันข้าม
on the contrary ในทางตรงกันข้าม
in contrast ในทางตรงข้าม
conversely ในทางกลับกัน
in spite of / despite แม้ว่า
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
Unit 1 Using Dictionary
หลักการเปิด Dictionary
-Guide words ( คำชี้นำ )
-Spelling ( การสะกดคำ )
-Pronunciation ( วิธีการอ่านออกเสียง )
-Part of speech ( หน้าที่ส่วนต่างๆ ของคำ )
-Definition ( คำจำกัดความ หรือ คำอธิบายความหมาย )
-Synonyms ( คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน )
-Etymology ( เรื่องราวหรือที่มาของคำ )
อักษรย่อ
opp = antonym (คำที่มีความหมายตรงกันข้ามกัน)
syn = synonyml (คำที่มีความหมายหมือนกัน)
-Guide words ( คำชี้นำ )
-Spelling ( การสะกดคำ )
-Pronunciation ( วิธีการอ่านออกเสียง )
-Part of speech ( หน้าที่ส่วนต่างๆ ของคำ )
-Definition ( คำจำกัดความ หรือ คำอธิบายความหมาย )
-Synonyms ( คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน )
-Etymology ( เรื่องราวหรือที่มาของคำ )
อักษรย่อ
opp = antonym (คำที่มีความหมายตรงกันข้ามกัน)
syn = synonyml (คำที่มีความหมายหมือนกัน)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)